Je m'appelle Petch JITCHURN
Je suis née le 20 ans
Je suis éléves a l'école Navamindarajudis Phayap
Je suis Sympa et mingon
J'aime le foot ball
Je n'aime pas Mathématique
facebook:petkung001@hotmail.com
เพิ่มคำอธิบายภาพ |
Le responsable
-หาข้อมูล
ประวัติความเป็นมา : "เชี่ยนหมาก เป็นภาชนะสำหรับใส่หมากพลูของคุ
การกินหมาก ถือได้ว่าเป็นวัฒนธรรมของคนไทยอย่างหนึ่ง จากเอกสารของจีนโบราณได้กล่าว ถึงกลุ่มชนฟันดำซึ่งหมายถึงคนกินหมาก เมื่อ 200 ปี อยู่ทางทิศใต้ซึ่งหมายถึงไทย และลาว ในสมัยสุโขทัยมีหลักฐานจากศิลาจารึก หลักที่ 1 ของพ่อขุนรามคำแหงว่า “ป่าหมากป่าพลูพ่อเชื้อมันไว้แก่ลูกมัน สิ้น” ซึ่งมีการปลูกหมากปลูกพลู และมีวัฒนธรรมในการกินหมากสืบต่อเนื่องมาถึงสมัยอยุธยา
จากหลักฐานที่พบที่ชุมชนบ้านเก่า บางกระบือ เต้าปูนทองแดง/สำริด แสดงให้เห็น ว่าคนในชุมชนบ้านเก่ามีการกินหมาก เป็นสำรับเรียกว่า “เชี่ยนหมาก” มีอุปกรณ์ประกอบด้วย ตลับใส่ยาเส้น ใส่หมากแห้ง สีผึ้ง สีเสียด เต้า ปูนใส่ปูนแดง ซองพลูใส่ใบพลู กรรไกรหนีบหมาก ครกหรือตะบันหมาก กระโถนบ้วนน้ำหมาก
เชี่ยนหมากเป็นเครื่องบ่งบอกถึงฐานะทางสังคมของไทยในสมัย โบราณได้ เช่น พวกขุนนางและพระเจ้าแผ่นดิน จะพระราชทานเครื่องประดับยศมีหีบหมากทองคำ ดาบ เรือยาว สัตว์พาหนะ เช่น ช้าง ม้า โค กระบือ ทาสสำหรับใช้สอย
จากบันทึกอีกตอนหนึ่งของบาลูแบร์ กล่าวไว้ว่า “ในพระราชมณเทียรพระมหากษัตริย์นั้น ข้าราชการที่เข้าเฝ้าไม่กล้าไอ จาม หรือบ้วนน้ำหมาก ถ่มเสลด และไม่กล้าสั่งมูลนาสิก หมากที่อมติดปากไว้ นั้นก็กลืนน้ำหมากเอือก ๆ ให้หายเข้าไปในคออย่างแช่มชื่น” วัฒนธรรมการกินหมาก สืบต่อกันมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ยุคจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้สั่งไม่ให้มีการค้าขายหมาก ทำให้คนไทยเลิกกินหมาก วัฒนธรรมการกินหมากกับสังคมไทยก็ค่อย ๆ เลือนหาย ไป
เชี่ยนหมาก หรือ ขันหมากของอีสาน
2/#.UPvKTR10lpshttp://thaicreative.net/%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AD-2/#.UPvKTR10lps
วัฒนธรรมการกินหมาก
http://www.aksorn.com/lib/detail_print.php?topicid=772